วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

PSR Model

แนวคิดทฤษฎีที่ใช้ในการพัฒนา 

รูปแบบการสอน PSR

ทฤษฎี/แนวคิด
ขั้นตอน / กิจกรรมการเรียนรู้
Constructivism
Clarifying exist knowledge
Identifying receiving and understanding new information
Confirming and using new knowledge
Biggss 3P
Presage
Process
Product
DRU Model
: การวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้(Diagnosis of Needs)
: การวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (Research into identifying effective learning environments )
: การตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิดUDL เพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้(Universal Design for Learning and Assessment)
PSR
: Purpose
คือ การทำความกระจ่างในความรู้ที่เรียน

- ความรู้
นักเรียนสามารถอธิบายได้
- กระบวนการ
ทักษะการสังเกต แสวงหาความรู้
- จิตวิทยาศาสตร์
ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน
:  Select Information by Network
คือ เครือข่ายการเรียนรู้

- ความรู้
นักเรียนสามารถเรียนรู้เพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์
:Rerponsible by Student
คือ การวัดผลประเมินผลความพึงพอใจของผู้เรียนที่บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้

 -นักเรียนสามารถตรวจสอบทบทวนตนเองและสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้รู้ได้






















แนวคิดการเรียนการสอนตามกรอบทฤษฎีคอนสตรัคติวิสท์
          กลาเซอส์ฟิลด์(Murphy 1997Online ; citing Glasersfeld 1999) อธิบายเกี่ยวกับความรู้และการเรียนรู้ในอีกมุมหนึ่งสรุปได้ว่า บุคคลสร้างความรู้โดยอาศัยการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสและการสื่อสารในขณะที่ตนเองมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ทำให้มีการปรับเปลี่ยนหรือจัดระบบประสบการณ์เดิมของตนเองใหม่ ดังนั้นความรู้จึงไม่สามารถถ่ายทอดจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งได้ กลาเซอร์ฟิลด์ อธิบายการเรียนรู้ว่าไม่เกี่ยวกับสิ่งเร้าและการตอบสนอง ตามแนวคิดทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยม แต่การเรียนรู้เกิดจากการกับตนเอง (self regulation) และการสร้างมโนทัศน์จากการสะท้อนความคิดซึ่งกันและกัน
         
แนวคิดการเรียนการสอนตามกรอบทฤษฎี Biggs’s 3P
            แบบจำลอง 3P ของ Biggs (Biggss 3 presage-process-product) แบบจำลองนี้แสดงการสร้างความเข้าใจให้กับผู้เรียน แบบจาลองแสดงถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างการสอนของผู้สอนและกระบวนการการเรียนรู้ของผู้เรียน ในขั้น presage เป็นการเรียนการสอนโดยทั่วๆ ไป เป็นการประยุกต์การเรียนรู้ในการทาหน้าที่ของสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ โดยผู้เรียนในระดับอุดมศึกษาด้วยความคาดหวังในความและพฤติกรรมในการพัฒนาบุคลิกภาพอันเนื่องมาจากประสบการณ์การศึกษาในขั้น process เป็นการปฏิบัติภาระงาน ภายใต้การรับรู้ในบริบทของการสอน แรงจูงใจในการเรียนรู้ และการไขว่คว้า รวมถึงการตัดสินใจในการปฏิบัติโดยไม่ชักช้า ทั้งหลายทั้งปวงเป็นการเรียนรู้ตามภาระงาน ในขั้นproductผู้เรียนเรียนรู้ที่เป็นทั้งความคิดในระดับต่ำและระดับสูงแบบจำลอง 3P ของ Biggs แสดงความสัมพันธ์ ดังภาพ


DRU Model 
        D คือการวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
        R คือขั้นการวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
        U คือการตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDL เพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้



กรอบแนวคิดการจัด

การเรียนการสอนแบบ PSR Model




บทบาทผู้สอน


= Purpose
          P = วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด  กำหนดจุดมุ่งหมายการเรียนและกำหนดภาระงานตามจุดมุ่งหมายที่กำหนด รวมทั้งออกแบบการจัดการเรียนรู้
          CN = จัดสื่อการสอน  ได้แก่ พาวเวอร์พ้อย วีดีโอ หนังสือเรียน ใบความรู้ โดยให้เหมาะกับเรื่องที่เรียนและทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้มากที่สุด โดยสื่อการเรียนที่ใช้ในบทเรียนเรื่องนี้ คือ ปอดจำลอง และ ใบความรู้เป็นสื่อ ซึ่งจะให้แบ่งกลุ่มให้นักเรียนศึกษาออกเป็นกลุ่มละ 5 – 6 คน ต่อสื่อปอดจำลอง 1 ชิ้น
          AN = วิเคราะห์คุณภาพกิจกรรมและภาระงานเพื่อกำหนดเกณฑ์ ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้
= Select Information by Network
         M = การจัดการชั้นเรียนชั้นเรียน
         CN = M2::จัดกิจกรรมให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้  จากสื่อต่าง ๆ เช่น vdo, เพาเวอร์พ้อยใบความรู้ ฯลฯ
                  M3:ให้นักเรียนศึกษาลงมือปฏิบัติ พร้อมบันทึกผลการทำกิจกรรม
                  M4:.ให้นักเรียนสรุป วิพากษ์
          SN = M5:ขยายความรู้ความเข้าใจ
                   M6:ประเมินผลการทำกิจกรรมของนักเรียน โดยใช้ แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ
= Rerponsible by Student
          E = การประเมินผล
          SN = I1: ตรวจสอบการทำกิจกรรมของผู้เรียน
                  I2: ประเมินผลผู้เรียนให้สอดคล้องตามจุดประสงค์การเรียนรู้
          AN = เสริมกิจกรรมให้ผู้เรียนเพื่อผู้เรียนมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น โดยให้ผู้เรียนทำแผนภาพสรุปเนื้อหาบทเรียน โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาเพื่อให้เกิดความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น จากเพื่อนที่อยู่ภายในกลุ่ม จากเพื่อนนอกกลุ่ม จากครูผู้สอน ห้องสมุด และจากแหล่งเทคโนโลยีสารสนเทศ
                                
เกณฑ์การวัดผลการทำกิจกรรม
ตัวบ่งชี้
การปฏิบัติการทดลอง
ระดับคะแนน
3
2
1
1.  การทดลองตามแผน
     ที่กำหนด
ทดลองตามวิธีการและขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างถูกต้องด้วยตนเอง
ทดลองตามวิธีการและขั้นตอนที่กำหนดไว้โดยครูแนะนำในบางส่วน
ทดลองตามวิธีการแต่ข้ามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยครูแนะนำตลอดเวลา
2.  การบันทึกผล
     การทดลอง
บันทึกผลเป็นระยะ
อย่างถูกต้อง ครบถ้วนและมีระเบียบ
บันทึกผลเป็นระยะ
อย่างถูกต้อง ครบถ้วนแต่ไม่เป็นระเบียบ
บันทึกผลไม่ครบ
และไม่เป็นไปตาม
การทดลอง
3.  การสรุปผลการทดลอง
    
สรุปผลการทดลองได้อย่างถูกต้อง กระชับ ชัดเจน และครอบคลุมข้อมูลจากการวิเคราะห์ทั้งหมด
สรุปผลการทดลองได้อย่างถูกต้อง แต่ยังไม่ครอบคลุมข้อมูลจากการวิเคราะห์ทั้งหมด
สรุปผลการทดลองได้ตามความเห็นโดย
ไม่ใช้ข้อมูลจากการทดลอง
4. การตอบคำถามท้ายการทดลอง
ตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง กระชับ ชัดเจน และครอบคลุมข้อมูลจากการวิเคราะห์ทั้งหมด
ตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง แต่ยังไม่ครอบคลุมข้อมูลจากการวิเคราะห์ทั้งหมด
ตอบคำถามได้ตามความเห็นโดย
ไม่ใช้ข้อมูลจากการทดลอง
5. ส่งงงานทันเวลาที่กำหนด
ส่งงานตรงตามกำหนดเวลา
ส่งงานช้ากว่าที่กำหนด
– 2  วัน
ส่งงานช้ากว่าที่กำหนด
3 วันขึ้นไป

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน
ระดับคุณภาพ
11 – 15   คะแนน
ดี
6 – 10    คะแนน
พอใช้
1 – 5     คะแนน
ปรับปรุง








บทบาทผู้เรียน
Design
          = กิจกรรม / ภาระงาน
          AN = วิเคราะห์คุณภาพกิจกรรมและภาระงานเพื่อกำหนดเกณฑ์
          CN = ศึกษาหาความรู้จากสื่อที่ครูผู้สอนกำหนด เช่น ใบความรู้, หนังสือเรียน, vdo., เพาเวอร์พ้อย
Learning
          L = กำหนดจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้
          CN L2: ทางเลือกในการเรียนรู้ เช่น ใบความรู้หนังสือเรียน, vdo, เพาเวอร์พ้อย
                  L3: แสวงหาความรู้/ปฏิบัติกิจกรรรมการเรียนรู้และสรุปผลการทำกิจกรรมตามที่ครูผู้สอนจัดไว้
                  L4: วิเคราะห์ สรุป วิพากษ์ การทำกิจกรรมการเรียนรู้ พร้อมทั้งตรวจสอบการทำกิจกรรมการเรียนรู้ให้ครบถ้วน
          SN = การนำประยุกต์ใช้
Assessment
     = เรียนรู้เพิ่มเติมจากผู้รู้
     SN A1: ตรวจสอบผลการทำกิจกรรม
             A2: ประเมินตนเองตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย
     AN A3: ทบทวนตนเองจากผลการประเมิน / กลวิธีการเรียนรู้
             A4: แสวงหาความรู้เพิ่มเติมโดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาเพื่อให้เกิดความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น จากเพื่อนที่อยู่ภายในกลุ่ม จากเพื่อนนอกกลุ่ม จากครูผู้สอน ห้องสมุด และจากแหล่งเทคโนโลยีสารสนเทศ

DRU Model

DRU Model 

           D คือ  การวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้

           R คือ  ขั้นการวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้

           U คือ  การตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDL เพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้ 



D : การวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้ (Diagnosis of Needs)

ขั้น D : การวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้

          1 . ใช้คำถามกระตุ้นความคิดในการกำหนดจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ (specifying learning goals) เพื่อให้ผู้เรียนระบุว่าหน่วยการเรียนรู้หรือบทเรียนนั้น ๆ มีความรู้และทักษะอะไร ผู้เรียนจะต้องระบุความรู้ในรูปของสารสนเทศ (declarative knowledge) และระบุทักษะการปฏิบัติหรือกระบวนการ (procedural knowledge) ข้อมูลที่ได้จะต้องมีความชัดเจนทั้งในเรื่องของจุดมุ่งหมาย และระดับคุณภาพของการเรียนรู้ กล่าวโดยสรุป จุดมุ่งหมายการเรียนรู้จะถูกระบุว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้อะไร และหรือสามารถทา อะไรได้ 
          2. ใช้คำถามเพื่อให้ผู้เรียนคิดระดับพัฒนาการในการเรียนรู้ เป็นการออกแบบการเรียนรู้ โดยอาศัยแนวคิดการกำหนดเกณฑ์คุณภาพเป็นค่าระดับตามโครงสร้างการสังเกตผลการเรียนรู้ (structure of observed learning out - come : SOLO Taxonomy) การวางกรอบการประเมินการเรียนรู้ จะช่วยให้มั่นใจว่าการจัดการเรียนการสอนหรือเรียนรู้ตรงตามจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้อันส่งผลให้ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ 
          3. ผู้เรียนออกแบบการเรียนรู้หรือเลือกกลยุทธ์การเรียนรู้ของตนเอง ที่คาดว่าจะช่วยให้ ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ โดยคำนึงถึงความมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่จุดมุ่งหมายการเรียนรู้เป็นความรู้ความเข้าใจ (ตามแนวคิดบลูมส์) กิจกรรมการเรียนรู้ก็อาจใช้ สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ที่เป็นการอ่าน (หนังสือ คู่มือ ฯลฯ) หรือการฟัง (การบรรยาย อธิบาย ฯลฯ) เป็นต้น ในกรณีที่จุดมุ่งหมายเป็นการพัฒนาความคิดขั้นสูง (วิเคราะห์ ประเมิน และสร้างสรรค์ ) กิจกรรมการเรียนรู้ก็อาจใช้สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้เชิงสังคม (social constructivist) อาทิ การเรียนรู้ แบบร่วมมือกัน (cooperative learning) กลยุทธ์การเรียนรู้แบบทำงานเป็นทีม ฯลฯ   

          สรุป ขั้นแรกของ DRU Model ผลผลิตที่ได้จากขั้นตอน D : การวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) คือ การระบุเป้าหมายการเรียนรู้  (goal setting relative to learning task) 


R : ขั้นการวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (Research into identifying effective learning environments)



ขั้นการวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ ได้นำแนวคิด “การวิจัยในกระบวนการ เรียนรู้”  “สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้” มาเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ดังนี้

1. ใช้คำถามเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ (specifying learning goals) คือผลการเรียนรู้ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ระดมสมองเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้แสวงหาแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ การจัดสภาพแวดล้อมให้บรรยากาศการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน เป็นต้น

2. ใช้คำถามสร้างความคิดเกี่ยวกับ กิจกรรมการเรียนรู้ (learning activity) ในการเรียนรู้ผู้เรียนต้องเป็นผู้ปฏิบัติด้วยตนเองเสมอ ความสำคัญในการเรียนรู้อยู่ที่ผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรมากกว่าที่จะบอกว่าผู้

สอนสอนอะไรหรือทำอะไร การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ – ปฏิบัติภาระงาน/ กิจกรรมตามที่วิเคราะห์และออกแบบการเรียนรู้ไว้เป็นการวางแนวทางเพื่อการเรียนรู้ซึ่งหมายถึง การกระทำใดๆ ที่ช่วยส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้บรรลุจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ผู้เรียนมีการกำกับติดตามตนเองเพื่อให้ได้ความรู้ (monitoring the execution of knowledge)  

3. ใช้คำถามกระตุ้นผู้เรียนใช้กระบวนการวิจัยเพื่อสืบเสาะหาความรู้จากการศึกษาจากฐานข้อมูลความรู้ /หนังสือ หรือแหล่งสืบค้นออนไลน์  โดยระบุภาระงานในการ สืบค้นรายบุคคลหรือกลุ่ม และมอบหมายงาน/ภาระงานรายบุคลหรือกลุ่มแล้วแต่กรณี ร่วมกันวางแนวทางการประเมินด้วยการระบุคุณภาพการเรียนรู้เป็นวิถีทางที่จะนำผู้เรียนให้ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ จากการวัดผลการเรียนรู้ของตนเอง และช่วยให้ผู้เรียนสามารถกำกับติดตามได้อย่าง กระจ่างชัด (monitoring clarity) 

4. ใช้คำถามกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบทบทวนการเรียนรู้ของตนเอง อาทิ “ผู้เรียนจะทำอะไร หรือปฏิบัติอย่างไร ที่แสดงว่าผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้” “ผู้เรียนจะมีปฏิสัมพันธ์ (วิเคราะห์ ประเมิน และสร้างสรรค์) กับแหล่งเรียนรู้อย่างไร” “ผู้เรียนจะได้รับหรือมีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้นั้นๆ อย่างไร”  คำถามดังกล่าวนี้จะช่วยในการประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนเองซึ่งเป็นแนวทางกำกับติดตามที่ถูกต้องแม่นยำ (monitoring accuracy) จากนั้น ผู้เรียนร่วมกันสรุป และวิพากษ์ เป็นการนำเสนอความรู้โดยใช้ภาษา/คำพูดของตนเอง

          สรุป ขั้น R ของ DRU Model ผลผลิตที่ไดจากขั้น R : การวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้  (Research into identifying effective learning environments ) คือ ผลผลิตที่ได้จากขั้นตอนนี้เรียกว่า การเรียนรู้พัฒนา Meta Cognition

U : การตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDL เพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้ (Universal Design for Learning and Assessment)

ขั้นตอนการตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDL เพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้ (U-Universal Design for Learning and Assessment) นำแนวคิดการออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสากล ร่วมกับแนวคิดโครงสร้างการสังเกตผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (Structure of Observed Learning Outcome : SOLO Taxonomy) มาเป็นแนวคิดในการสร้างเกณฑ์ระดับคุณภาพของพัฒนาการการเรียนรู้ ดังนี้

1.ใช้คำถามกระตุ้นให้คัดตรวจสอบทบทวนเกี่ยวกับความรู้ใหม่ที่ผู้เรียนสามารถบอกได้ว่าจุดหมายการเรียนรู้เกี่ยวข้องกับบริบทและหรือให้สารสนเทศพื้นฐานของเนื้อหาสาระ หัวข้อ สำคัญของบทเรียนหรือหน่วยการเรียน และจุดหมายดังกล่าวเหมาะสมกับท้องถิ่น และสะท้อนมาตรฐานของชาติหรือไม่

2.ใช้คำถามที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถบอกได้ว่าผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้แล้ว โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบพื้นฐานการเลือกกิจกรรมที่ผู้เรียนจะได้รับโอกาสเพื่อความสำเร็จตามหลักสูตรประเมินจุดเด่น/จุดด้อยของตนเอง สะท้อนพัฒนาการการเรียนรู้และเสนอแนะแนวทางการแก้ไข

3.ใช้คำถามเกี่ยวกับช่องทางหรือวิธีการที่ผู้เรียนจะให้ข้อมูลย้อนกลับมาเพื่อประเมินในระหว่างเรียนและเพื่อผู้เรียนได้ประเมินตนเอง ร่วมกันประเมินการเรียนรู้ตามหลักสูตรและการบรรลุมาตรฐานของชาติ

4.ใช้คำถามเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียน และข้อมูลย้อนกลับ โดยรวม เพื่อนำไปวางแผนการจัดระดับคุณภาพ และหรือตัดสินผลการเรียนที่การประเมินความรู้ ไม่ได้มาจากแบบทดสอบเท่านั้นแต่มาจากประเมินการปฏิบัติจากชิ้นงานตามระดับคุณภาพSOLO Taxonomy แบบประเมินผลงาน /ชิ้นงาน (ตามเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้ในขั้นการวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้ (Diagnosis of Needs) – คำถามเพื่อให้ผู้เรียนคิดระดับพัฒนาการในการเรียนรู้เป็นการออกแบบการเรียนรู้  

The SOLO taxonomy คือการกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งไม่มุ่งเน้นเฉพาะการสอนและการให้คะแนนจากผลงานเท่านั้น  ให้ความสำคัญข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการเรียนการสอนในปัจจุบัน สื่อการเรียนรู้ ความเข้าใจในธรรมชาติของผู้เรียนในชั้นเรียน การประเมินความสามารถของผู้เรียนแบ่งเป็น 5 ระดับ ดังนี้

1. ระดับโครงสร้างขั้นพื้นฐาน (Pre-structure ) นักเรียนจะได้ข้อมูลเป็นส่วนๆ ที่ไม่ปะติดปะต่อกัน ไม่มีการจัดการข้อมูลและความหมายโดยรวมของข้อมูลไม่ปรากฏ

2. ระดับโครงสร้างเดี่ยว (Uni-structure) ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐานง่ายต่อการเข้าใจ แต่ไม่แสดงความหมายของความเกี่ยวโยงข้อมูล

3. ระดับโครงสร้างหลากหลาย (Multi-structure) ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลหลายๆ ชนิดเข้าด้วยกัน ความหมายของความสัมพันธ์ระหว่างความเกี่ยวโยงไม่ปรากฏ

4. ระดับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง (Relational Level) ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงข้อมูลได้ ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงของข้อมูล และภาพรวมทั้งหมดได้

5. ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย (Extended Abstract Level) ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลนอกเหนือจากหัวเรื่องที่ได้รับ ผู้เรียนสามารถสรุปและส่งผ่านความสำคัญและแนวคิดที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรณีตัวอย่าง การนำ SOLO taxonomy มาใช้เป็นแนวการประเมินผลการเรียนรู้เป็นการกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ของผู้เรียนจะช่วยให้ทราบถึงพัฒนาการการเรียนรู้ระหว่างเรียน (Formative) เพื่อที่จะได้หาวิธีการแก้ไข ปรับปรุงวิธีการสอนและวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียนที่โดยไม่ได้มุ่งเน้นการให้คะแนนจากผลงานทั้งจากผู้สอนและผู้เรียนเพียงเท่านั้น สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนา Meta cognition ที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ปฏิบัติจากสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้ทั้ง ครูผู้สอนและผู้เรียนเองเกิดความกระจ่างชัดในเป้าหมายการเรียนรู้ และมีการกำกับติดตาม กระบวนการเรียนรู้ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ปัญญาที่มีความซับซ้อนก่อให้เกิดพัฒนาการการ เรียนรู้



สรุป ได้ว่า การดำเนินการตามขั้น U: Universal Design for learning (การออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสากล : UDL) เป็นขั้นที่ให้นักศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิตประเมินตรวจสอบทบทวนตนเองและการยืนยันความถูกต้อง และมีการกำกับติดตามซึ่งการกำกับติดตามนั้นมีความถูกต้องแม่นยำ (Monitoring Accuracy) ผลผลิตตามขั้นตอนนี้คือ ผลประเมินการเรียนรู้ตามแนวคิด SOLO Taxonomy ซึ่งเป็นการระบุแนวทางการประเมินการเรียนรู้ตามระดับคุณภาพการเรียนรู้ โดยกำหนดระดับคุณภาพการเรียนรู้ไว้ 4 ระดับ คือระดับการเรียนรู้เท่ากับ 

SOLO1= ต่ำ หมายถึง ระดับความจำ–ความเข้าใจ 
SOLO2= ปรับปรุง หมายถึง ระดับการนำไปใช้-การประยุกต์ใช้ 
SOLO3=ปานกลาง/พอใช้ หมายถึง ระดับการเรียนรู้ในระดับสร้างสรรค์ (ความรู้ที่เกิดจาก ตนเอง)  
SOLO4= สูง หมายถึง ระดับMeta cognitive System (ความรู้ระดับอภิปัญญา/การรู้คิด)





ที่มา : อ.ดร.นฤมล  ปภัสสรานนท์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี


http://classofmanagedrugscig2.blogspot.com/2016/11/dru-model.html 
แนวคิดทฤษฎีที่ใช้ในการพัฒนา รูปแบบการสอน TNI


ทฤษฎี/แนวคิด
ขั้นตอน / กิจกรรมการเรียนรู้
Constructivism
Clarifying exist knowledge
Identifying receiving and understanding new information
Confirming and using new knowledge
Biggss 3P
Presage
Process
Product
DRU Model
: การวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้(Diagnosis of Needs)
: การวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (Research into identifying effective learning environments )
: การตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิดUDL เพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้(Universal Design for Learning and Assessment)
PSR
:การทำความกระจ่างในความรู้ที่จะเรียน:เลือกรับสิ่งที่จะเรียนรู้:การตอบสนอง